วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เพื่อนผู้ไร้วิญญาณ


เด็กหญิงต้อย อายุ 10 ขวบ ใส่ชุดเก่า ๆ เสื่อที่มีรอยปะชุน มากมาย กางเกงวอมล์ขายาวสีซีดเซียวไม่ชวนน่ามอง เธอมีหมวกใบเก่าไม่แพ้เสื้อผ้าปกคลุมศรีษะผมยาวที่ยุ่งเหยิงไร้การดูแล ใบหน้ามอมแมมหมองคล้ำ กลิ่นกายที่ส่งกลิ่นไม่น่าพิศมัยเอาเสียเลย ในมือขวาของเธอมีกระสอบป่านใบเก่าส่วนในมือซ้ายมีเหล็กคอยคุ้ยเขี่ยและเป็นเครื่องมือที่เธอมีใช้ทำมาหากินในกองขยะ
เด็กหญิงต้อยอ่าน ก.ไก่ ได้ เธอไม่เคยไปโรงเรียน เธอไม่เคยมีชุดนักเรียน เธอไม่เคยมีหนังสือกระเป๋านักเรียนสวย ๆ เหมือนคนอื่นเขา กองขยะคือโรงเรียนที่เธอได้ร่ำเรียนวิชาชีวิต ที่ใคร ๆ ไม่เคยเรียนเหมือนเธอ เศษกระดาษขาด ๆ ที่ไม่มีค่าในความรู้สึกของผู้เพรียบพร้อม แต่สำหรับเด็กหญิงต้อยมันมีค่ากว่ากองเงินกองทองมากมายนักเพราะมันคือหนังสือคือแหล่งความรู้ที่เด็กหญิงต้อยภาคภูมิใจ และมันคือสินค้าที่คอยจุนเจือชีวิตของเธอ และต่อลมหายใจให้แม่ได้
วันหนึ่งขณะที่เด็กหญิงต้อยกำลังทำงานอย่างขมักเขม้น สายตาที่ว่องไวของเธอก็เหลือบเห็นตุ๊กตาหมีตัวดำ ๆ สกปรกถูกนำมาวางทิ้งหมกอยู่กับกองขยะ เด็กหญิงต้อยรีบเข้าไปหยิบมันออกมา เธอยิ้มด้วยความพอใจตุ๊กตาหมีที่แขนขาด อันที่จริงมันเคยเป็นสีขาวมาก่อน เธอปัดเศษขยะตามตัวมันชีวิตของเธอไม่เคยสัมผัสสิ่งมีค่าอย่างนี้มาก่อนเลย
“ ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ ฉันจะพาเธอไปอยู่ด้วย แล้วจะอาบน้ำให้เธอนะ ”
ลูกตาพลาสติกของเจ้าหมีดูเหมือนจะส่งสายตายิ้มออกมาให้เธอ และกำลังพูดกับเธอ
“ ขอบใจจ๊ะ ”
มันเป็นเสียงที่เด็กหญิงต้อยได้ยิน ใช่แล้ว
“ เธอพูดกับฉันเหรอ ”
“ ใช่จ๊ะเธอเป็นเด็กดีฉันอยากอยู่กับเธอตลอดไปเลยได้ไหมจ๊ะ ”
เด็กหญิงต้อยพยักหน้า
“ ได้สิจ๊ะเธอชื่อ เจ้าปุยนุ่นนะฉันจะเรียกเธออย่างนี้ ”

เด็กหญิงต้อยเอาเจ้าปุยนุ่นกลับบ้านทำความสะอาดให้มัน เป็นจริงอย่างที่คิดเจ้าปุยนุ่นมันเป็นตุ๊กตาหมีสีขาวราวปุยนุ่นและมันเป็นตุ๊กตาที่น่ารักถึงแม้ว่ามันจะพิการมีแขนเพียงข้างเดียว
“ เธอสวยมากเลยปุยนุ่น ”
“ เธอก็สวยเหมือนกัน ”
เด็กหญิงต้อยกอดเจ้าปุยนุ่นแล้วยกมันขึ้นมาเผชิญหน้า
“ ฉันจะสวยได้อย่างไร ดูเสื้อผ้าที่ฉันใส่สิมันสกปรกเก่าแสนเก่าอย่างนี้ เธอยังจะบอกว่าฉันสวยอีกเหรอ ปุยนุ่น ”
ตุ๊กตาหมีพิการที่มีรอยยิ้มตลอดเวลา ยังคงยิ้มให้เจ้าของที่ช่วยชีวิตมัน
“ เธอมีจิตใจที่สวยงาม เสื้อจะเก่าอย่างไร มันจะขาดจะเสียหาย เป็นยังไงก็ชั่งมัน ของเพียงแค่เธอมีจิตใจที่สวยงามก็พอแล้ว ”
เด็กหญิงต้อยงงกับคำพูดของปุยนุ่น
“ ฉันไม่เข้าใจที่เธอพูดหรอก ”
“ การเกิดเป็นคนเธอโชคดีมากนะต้อย เธอมีแขนมีขามีอวัยวะครบสามสิบสองประการไม่เหมือนฉันที่มีแขนเพียงแค่ข้างเดียว เธอมีลมหายใจเธอมีชีวิต ถึงแม้จะเกิดมาไม่สมบูรณ์พูนสุข ไม่ร่ำรวย ไม่เสื้อผ้าดี ๆ ใส่ สิ่งนั้นมันเป็นแค่เปลือกที่คนสร้างมันขึ้นมาเท่านั้นแหละ ”
“ แล้วอะไรมันคือความเที่ยงแท้หล่ะ ปุยนุ่น ”
“ ไม่มีสิ่งใดเป็นความเที่ยงแท้ และไม่มีสิ่งใดเป็นของเรา แม้แต่ร่างกายก็ไม่ใช่ของเรา ร่างกายมันเป็นเพียงแต่เนื้อหนังที่ห่อหุ้มลมหายใจเท่านั้น ”
“ ถ้าอย่างนั้นเราจะเกิดมาเพื่ออะไรกัน เธอรู้ไหมปุยนุ่น ”
“ เราเกิดมาเพื่อธรรมชาติเพื่อจรรโลงสังคมโลกให้ยังอยู่ มันเป็นกรรมที่ส่งให้เราทุกคนเกิดมาเพื่อดิ้นร้น และเรียนรู้ให้ชีวิตยังอยู่รอด ”
“ แต่ฉันอยากเรียนหนังสือปุยนุ่น ฉันอยากไปโรงเรียน ”
“ เธอมีโรงเรียนอยู่รอบตัวเธอนะต้อย โลกนี้คือโรงเรียนสำหรับเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกคือบทเรียนชีวิตที่เธอต้องเรียนรู้เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่รอดเพราะเธอยังมี

ลมหายใจอยู่ โรงเรียนมันแค่แหล่งที่บังคับเราให้อยู่ในกรอบแห่งการเรียนรู้ที่คนอื่นมอบให้เราเท่านั้น ”
ปุยนุ่นยังคงยิ้มอยู่อย่างเดิม แต่เด็กหญิงต้อยมีแววตาที่สว่างสดใสขึ้นมากกว่าเดิม
“ จริงของเธอฉันมีโลกเป็นโรงเรียนฉันจะใช้โรงเรียนนี้ เรียนรู้ชีวิตให้มากที่สุดเลยเธอต้องเป็นกำลังใจให้ฉันนะปุยนุ่น ”
“ ฉันจะเป็นกำลังใจอยู่กับเธออยู่ตลอดเวลา ฉันจะเป็นเพื่อนคุยเป็นที่ปรึกษา เป็นทุก ๆ อย่างให้กับเธอ ”
เด็กหญิงต้อยทำหน้าฉงน
“ แล้วจะมีใครได้ยินเธอเหมือนที่ฉันได้ยินหรือเปล่า ”
“ ไม่มีใครได้ยิน มีเพียงเธอเท่านั้น ที่ได้ยินฉัน เพราะเสียงที่เธอได้ยินนั้นมันไม่มีตัวตน มันไม่ใช่เสียงของปุยนุ่นตุ๊กตาหมีที่เธอนอนกอดอยู่ ”
เด็กหญิงต้อยตกใจ
“ แล้วเสียงที่ฉันได้ยินคือเสียงของใคร ”
“ มันคือเสียงของเธอนั้นเอง มันคือเสียงแห่งความสำนึกที่อยู่เบื้องลึก ตรงส่วนความสำนึกความมีจิตใจที่ดีของเธอ ”
“ โถ ! เธอก็ไม่บอกฉัน ทำให้ฉันฝันไปเสียมากมายทำไมกัน ”
“ เพราะเธอเป็นคนนะสิ เธอถึงฝันและได้ยินเสียงของตัวเอง ต่อไปนี้ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร อย่างไรก็ตามเสียงนี้มันยังอยู่กับเธอตลอดไป ”
เด็กหญิงต้อยขดตัวใต้ผ้าห่มเก่า ๆ กอดตุ๊กตาหมีแน่นกว่าเดิมหลับตาเพราะง่วงเหลือเกิน เสียงของปุยนุ่นยังคงดังแว่วเป็นระยะ ๆ ตลอดชีวิตตราบใดที่เด็กหญิงต้อยจะยังคงมีชีวิตอยู่ และมีลมหายใจ
…………………………………….……………………………………………………

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น